Hampton Machine Tool Company (in Thai Language)

Submitted by: Submitted by

Views: 1324

Words: 403

Pages: 2

Category: Business and Industry

Date Submitted: 07/05/2010 05:09 PM

Report This Essay

วันที่ 14 เดือนกันยายน 1979 Jerry Eckwood รองประธาน ของธนาคาร ST. Louis National ได้กำลังพิจารณาความต้องการขอกู้เงินจากลูกค้าที่อยู่ในเมืองใก

ล้เคียง คือบริษัท Hampton Machine Tool ต้องการกู้เงินเพิ่มจากธนาคารภายหลังจากที่ได้กู้มาแล้ว 1 ล้านดอลลาร์ มีกำหนดจ่ายคืนในวันที่ 30 กันยายน และบริษัท Hampton ต้องการที่จะขอกู้เพิ่มอีก 350,000 ดอลลาร์ เพื่อวางแผนที่จะซื้ออุปกรณ์ในเดือนตุลาคม โดยบริษัทได้เสนอเงื่อนไขที่จะกู้เงินทั้งสองก้นรวมเป็นเงินทั้

งสิ้น 1.35 ล้านดอลลาร์ และจะชำระคืนตอนสิ้นปี 1979

บริษัท Hampton ได้ก่อตั้งในปี 1915 บริษัทได้ประสบความสำเร็จและรอดพ้นจากความผันผวนของอุตสาหกรรมก

ารผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ และเมื่อเร็วๆนี้บริษัทได้แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์การผลิตและผ

ลประโยชน์ที่ได้รับในช่วงระหว่างกลางและปลายปี 1960 เนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัท ซึ่งรวมถึงโรงงานผู้ผลิตเครื่องบินของกองทัพและโรงงานผู้ผลิตรถ

ยนต์ในพื้นที่ของ St. Louis การประสบความสำเร็จของบริษัทในปี 1960 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดรถยนต์และการใช้จ่ายเง

ินของกองทัพในการต่อสู้สงครามเวียดนาม บริษัท Hampton ได้รุ่งเรืองเป็นอย่างมากในช่วงปี 1960 จนถึงต้นปี 1970 ต่อมาในช่วงกลางปี 1970 บริษัทประสบปัญหากับภาวะตกต่ำของยอดขายและกำไร ทันทีทันใดที่ประสบปัญหาภาวะตกต่ำในอุตสาหกรรมผู้ผลิตรถยนต์โดย

มีการห้ามนำเข้าน้ำมันในปี 1973 ผลที่ตามมาคือ ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ต่อมาในระหว่างปี 1974 – 1975 ได้เกิดปัญหาภาวะเศรษฐกิจ การใช้จ่ายในการสู้รบในประเทศเวียดนามลดลงเป็นอย่างมากและได้ส่

งผลต่อบริษัท เนื่องจากผู้ผลิตเครื่องบินของกองทัพเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก กลางปี 1970 ยอดขายของบริษัทตกต่ำที่สุด บริษัท Hampton ได้ค้นพบ 3 ปัจจัยที่จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ ปัจจัยที่ 1 คือ ยอดขายของเครื่องบินของกองทัพเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจนแผ่ขยายไป

สู่ตลาดส่งออกและตลาดภายในประเทศ ปัจจัยที่ 2 คือ ถึงแม้ว่าตลาดผู้ผลิตรถยนต์จะไม่แผ่ขยายออกไป และในตลาดส่วนนี้ของบริษัทมีความมั่นคงน้อย และปัจจัยที่ 3 สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจได้แปรเปลี่ยนไปในกลางปี 1970 ได้มีการเก็บค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินค้าที่ใช้ภายในอุตสาหกรรม

(Capital Goods) ดังนั้น ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทได้เพิ่มขึ้นทีละน้อย...